คุณสามารถใช้ Regular Expression (RegEx) เพื่อตรวจสอบว่าอีเมลที่กรอกเป็นรูปแบบที่ถูกต้องหรือไม่ และใช้ Email Validation API หรือ DNS Lookup เพื่อตรวจสอบว่าอีเมลนั้นมีอยู่จริงหรือไม่
🔹 วิธีที่ 1: ตรวจสอบรูปแบบอีเมลด้วย Regular Expression
✅ วิธีนี้ช่วยตรวจสอบว่าอีเมลมีรูปแบบถูกต้องตามมาตรฐานหรือไม่ แต่ไม่ได้เช็คว่าอีเมลมีอยู่จริงหรือไม่
🔹 วิธีที่ 2: ตรวจสอบว่าอีเมลมีอยู่จริงโดยใช้ Fetch API (ต้องใช้ API ภายนอก)
หากต้องการตรวจสอบว่าอีเมลนั้นมีอยู่จริง สามารถใช้ Email Verification API เช่น Abstract API, Hunter.io หรือ Verifalia (ต้องสมัคร API Key)
✅ วิธีนี้สามารถตรวจสอบว่าอีเมลใช้งานได้จริงหรือไม่ แต่ต้องใช้ API ภายนอก
🔥 สรุปค่าบริการ
ผู้ให้บริการ | ฟรี (Free) | เริ่มต้น (เสียเงิน) | จำกัดจำนวนคำขอฟรี |
---|---|---|---|
Abstract API | ✅ | $9/เดือน | 100 คำขอ/เดือน |
Hunter.io | ✅ | $49/เดือน | 25 คำขอ/เดือน |
Verifalia | ✅ | $9/เดือน | 25 คำขอ/วัน |
📌 ถ้าต้องการใช้งานฟรีมากสุด 👉 ใช้ Abstract API (100 คำขอ/เดือน)
📌 ถ้าต้องการระบบที่เชื่อถือได้ 👉 ใช้ Hunter.io
📌 ถ้าต้องการตรวจสอบอีเมลเป็นชุดใหญ่ 👉 ใช้ Verifalia
🔹 วิธีที่ 3: ตรวจสอบว่าโดเมนอีเมลมีอยู่จริง (DNS Lookup)
✅ วิธีนี้เช็คว่ามี Mail Server สำหรับโดเมนนั้นหรือไม่ แต่ไม่ได้เช็คว่าอีเมลมีอยู่จริง
🔥 สรุป
วิธีตรวจสอบ | ความแม่นยำ | ต้องใช้ API ไหม? |
---|---|---|
Regular Expression | ✅ ตรวจสอบรูปแบบอีเมลเท่านั้น | ❌ ไม่ต้องใช้ API |
Email Verification API | ✅✅ เช็คว่าอีเมลมีอยู่จริง | ✅ ต้องใช้ API |
DNS Lookup | ✅ เช็คว่าโดเมนรองรับอีเมลหรือไม่ | ✅ ใช้ DNS API |
📌 ถ้าต้องการตรวจสอบอย่างง่าย แค่ใช้ RegEx ก็พอ
📌 ถ้าต้องการตรวจสอบว่ามีอยู่จริง แนะนำให้ใช้ Email Verification API
📌 ถ้าต้องการตรวจสอบว่าโดเมนอีเมลรองรับการส่งอีเมล ใช้ DNS Lookup